เสพงานศิลป์ลายเส้นจิตรกรรม วิหารลายคำ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
๑. ประวัติความเป็นมาของวัด
เดิมชื่อ “วัดลีเชียงพระ” “ลี” แปลว่า ตลาดที่ตั้งอยู่หน้าวัด สร้างขึ้น ใน พ.ศ. ๑๘๘๘ โดยพญาผาญ กษัตริย์เชียงใหม่ องค์ที่ ๕ แห่งราชวงศ์มังราย ราว พ.ศ. ๑๙๔๓ เจ้ามหาพรหม กษัตริย์เชียงราย ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์) มาจากเมืองกำแพงเพชร เพื่อถวายแด่พญาแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ ๗ ของเชียงใหม่ เป็นพุทธรูปขนาดหน้าตัก ๖๓ เซนติเมตร สูง ๗๙ เซนติเมตร หลังจากได้นำพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้ พุทธศาสนิกชน ชาวเชียงใหม่จึงพากันเรียกอารามแห่งนี้ว่า “วัดพระสิงห์” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมามีการสร้าง พระมหาเจดีย์บรรจุเกศาธาตุ เจดีย์มีฐานข้างล้อม ฐานเจดีย์กว้าง ๒๓ เมตรเศษ สูง ๕๐ เมตร วัดพระสิงห์ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใน พ.ศ. ๒๔๖๙ โดยพระครูบาศรีวิชัย
๒. ความสำคัญ
วัดแห่งนี้ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ยกฐานะจากวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ แห่งราชวงศ์จักรี และพระพุทธสิหิงค์ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองเชียงใหม่ โดยทุก ๆ ปี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีพิธีอัญเชิญองค์พระขึ้นประทับบนบุษบกแห่รอบเมือง และให้ประชาชนทำการสรงน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล โบราณวัตถุและโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ พระเจดีย์ทรงกลมแบบพื้นเมืองฐานข้างล้อม พระอุโบสถ พระวิหารหลวง หอพระไตรและ พระพุทธไสยาสน์ในวิหารนอน กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘
๓. สถาปัตยกรรมโดดเด่น
วิหารลายคำ ขนาดกว้าง x ยาว ๔ x ๓ เมตร สร้างขึ้นในสมัย พญาเมืองแก้ว ใน พ.ศ. ๒๐๖๑ เป็นอาคารไม้สักทอง ลงรักปิดทอง หลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีบันไดนาคปูนปั้นทอดยาวจากซุ้มประตูโขง เสาทรงกลมมี “ลวดลายคำ” ลงสีแดงชาดและสีทอง จิตรกรรมฝาผนังภายในเขียนด้วยสีฝุ่น เล่าเรื่องในพุทธชาดกและสังข์ทอง ผนังด้านทิศใต้เล่าเรื่องสุวรรณหงส์ แต่ละด้านถ่ายทอดความประณีตศิลป์และอยู่ใน สภาพสมบูรณ์ เสมือนหนึ่งได้ย้อนวันวานกลับเข้าไปอยู่ในช่วงอดีตรัชสมัยพญาแก้ว กษัตริย์องค์ที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังราย เมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๓ ผู้สร้างวิหารลายคำแห่งนี้
อุโบสถสองสงฆ์ เป็นอาคารไม้สถาปัตยกรรมล้านนา ฐานล่างก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้องดินเผา ประดับช่อฟ้าและนาคสะดุ้ง บันไดด้านทิศใต้เป็นประติมากรรมปูนปั้นมกรคายนาค บันไดด้านทิศเหนือ เป็นตัวเหงา ขนาบด้วยสิงห์ปูนปั้น รอบอุโบสถมีเสมาคู่ บ่งบอกเขตพัทธสีมา กลางอุโบสถ ประดิษฐานพุทรรูปพระเจ้าทองทิพย์องค์จำลอง อยู่ตรงกลางมณฑปปราสาท ด้านทิศเหนือใช้เป็นเขตสังฆกรรม สำหรับพระภิกษุสงฆ์ ส่วนด้านทิศใต้ เป็นเขตสังฆกรรมของภิกษุณี
หอไตรปิฎก สถานที่เก็บรักษาหนังสือใบลานและพระธรรมคัมภีร์ เป็นอาคารสองชั้นสถาปัตยกรรมล้านนา ขั้นลางก่ออิฐถือปูน ผนังมีประติมากรรมปูนปั้นเทพยดา ๓๖ องค์ นอกจากนี้ ยังมีประติมากรรมปูนปั้น รูปสัตว์หิมพานต์อยู่ในกรอบสี่เหลียม ๗๕ ตัว ชั้นบนโครงสร้างไม้ทั้งหลัง ผนังด้านข้างเป็นฝาสิ้นปิดทึบประดับลวดลายปูนปั้นรูปดลอกจันทน์ 4 กลีบ และลวดลายปูรณฆฏะลงรักปิดทองและกระจกสี เหนือประตูประดับซุ้มโขงลวดลายปูนปั้น และมีบราลีทำเป็นรูนหงส์ประดับอยู่บนสันหลังคา
ภายในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ยังมีพุทธศิลป์โบราณสำคัญให้เต้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกมากมาย อาทิ พระเจ้าทองทิพย์ (พระสิงห์น้อย) อนุสาวรีย์พญามังราย อนุสาวรีย์พญาตายู และอนุสาวรีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อดตสิวมหาเถร) รวมถึงพระวิหารพุทธไสยาสน์ พระวิหารพระเจ้าทันใจ พระศรีสรรเพชญ (หลวงพ่อโต) พระสถูปพญาค้าฟู หอจงกรมครูบาศรีวิชัย
๔. โรงเรียนธรรมราชศึกษา เป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา สังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการประกาศรับ รองวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล ก่อตั้งขึ้น โดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิวมหาเถระ) ขณะดำรงสมณศักดิ์ “พระธรรมราชานุวัตร” เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓
๒ ถ.สามล้าน ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ๕๐๒๐๐
จีพีเอส: 18.788545, 98.98200200