วัดป่าเป้า
ศรัทธาเงี้ยว วังเวียงเชียงใหม่
๑. ประวัติความเป็นมาของวัด พื้นที่เติมมี “ต้นเปล้า” พืชสมุนไพรพื้นบ้านขึ้นปกคลุมโดยรอบหอคำ ที่ประทับของพระเจ้ากือนา กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งหลังจากพระองค์สวรรคตแล้ว ได้มีชาวไทใหญ่ (เงี้ยว) และชาวล้านนามาขออนุญาตจากพระเจ้า กาวิละ ปฐมกษัตริย์ล้านนา แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร เข้าไปใช้พื้นที่หอคำเพื่อสร้างวัดและนำต้นเปล้ามาตั้งเป็นชื่อวัด ก่อนเพี้ยน เสียงเป็น “วัดป่าเป้า” ต่อมาในสมัยพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร มีสนมคือ หม่อมบัวไหล ซึ่งเป็นลูกสาวของแม่เฒ่าต้าว ซาวเงี้ยวเมืองลางเคอ จึงได้ชวนชาวบ้าน พ่อค้าและคหบดีชาวเงี้ยวรวมถึง ชาวพุทธล้านนาในชุมชนบ้านช้างเผือก มาร่วมกันบูรณะวัดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. ๒๔๒๖
๒. ความสำคัญของวัด วัดป่าเป้าและวัดกู่เต้า เป็นวัดคู่ที่มีประวัติเชื่อมโยงถึงกันมาจนถึงปัจจุบัน ที่ยังคงร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรม และประเพณีของชาวไทใหญ่ คือ “ปอยส่างลอง” งานบุญใหญ่ของทั้งสองวัดที่จัดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี รวมถึงเป็นคลัง แห่งความรู้ของเด็กและเยาวชนไทใหญ่ และที่พบปะของชาวไทใหญ่ซึ่งอพยพมาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง
๓. สถาปัตยกรรมโดดเด่น
อุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมแบบพม่า หลังคาเครื่องไม้ทรงปราสาทในลักษณะจั่วซ้อนขึ้นไปสามชั้นประดับไม้แกะสลัก มีโครงสร้าง อาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ ชั้นล่างเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ทางเข้าหลักประดับปูนปั้นซุ้มโค้งศิลปะตะวันตก และมีกรอบหน้าต่างประดับ ปูนปั้นลวดลายใบไม้
คันธกุฎี สร้างขึ้น พ.ศ. ๒๔๖๘ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยม ศิลปะไทใหญ่ผสมผสานศิลปะตะวันตก ผนังปูนปั้นมีซุ้มโค้ง แบบตะวันตก หลังคารูปทรงปราสาทซ้อนลดหลั่นหกชั้น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปโบราณ และภายในประดับตุง กระด้างทำจากสังกะสีแกะลวดลาย
พระธาตุเจดีย์ มีรูปทรงศิลปะไทใหญ่ตั้งบนฐานบัวลูกแก้วอกไก่ ฐานมุมทั้งสี่ประดับเจดีย์จำลองขนาดเล็กและปูนปั้นสิงห์ เชิงบันไดประดับปูนปั้นมกร มีเรือนธาตุเจาะช่องซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ ถัดขึ้นไปเป็นบัวถลารองรับองค์เจดีย์ ทรงระฆังประดับด้วยแก้วสีอังวะ ส่วนยอดประดับฉัตรศิลปะไทใหญ่
๕๘ ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ๕๐๒๐๐
GPS: 18.796050, 98.992246