จิตรกรรมพุทธประวัติร้อยปี
ลายเส้น สีสัน กุญแจไขสู่ประวัติศาสตร์ วัดบวกครกหลวง
๑. ประวัติความเป็นมาของวัด เป็นวัดตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่มีหลุมตำข้าวขนาดใหญ่ ใช้ตำข้าวเลี้ยงคนจำนวนมาก “บวก” หมายถึง หลุม “ครก” คือ ภาชนะตำข้าว “หลวง” หมายถึง ใหญ่ จึงเรียกว่า “วัดบวกครกหลวง” และเดิมเรียกกันว่า “วัดม่วงคำ” ขึ้นทะเบียนเป็นวัดราษฎร์ พ.ศ. ๒๒๒๑
๒. ความสำคัญของวัด เป็นวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมาใน พ.ศ. ๒๔๙๗ และศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วยเหตุมีวิหารที่เก่าแก่ และมีจิตรกรรมฝาผนังวาดโดยช่างสีไทใหญ่ เมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้ว ทิศเหนือวาดแสดงพุทธประวัติ และทิศใต้แสดงทศชาติชาดก 5 เรื่อง
๓. สถาปัตยกรรมโดดเด่น
วิหาร เป็นอาคารโครงสร้างก่ออิฐถือปูน อายุกว่า ๓๐๐ ปี เสาขนาดใหญ่รับน้ำหนักหลังคา ๑๒ ต้น หลังคาทรง จั่วซ้อนสามชั้นแบบม้าต่างไหม มุขโถงด้านหน้ายื่นออกคลุมราวบันได ปั้นลมนาคลำยอง หางหงส์รูปเศียรนาค ราวโก่งคิ้วด้านหน้าไม้แกะสลักปิดทอง หน้าบันไม้แกะสลักลายก้านขดปิดทองและกระจกจีน มุมวิหารแกะสลัก
รูปทวารบาลปิดทอง ราวบันไดปูนปั้นมกรคายนาค เป็นนาคพญาครุฑหรือปากนกแก้ว พระธาตุเจดีย์ เป็นรูปทรงปราสาทหุ้มด้วยทองจังโก มีเรือนธาตุทั้งสี่ด้าน กลางองค์เจดีย์รูปทรงระฆัง ยกฉัตร ๗ ชั้น สร้างขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๐๐ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
หอไตร เป็นที่จัดเก็บคัมภีร์ใบลาน บูรณะครั้งล่าสุด พ.ศ. ๒๕๔๕ ปัจจุบันเป็นศูนย์การเรียนรู้คู่คุณธรรม สำหรับเยาวชน
ธรรมมาสน์ล้านนา เป็นโครงสร้างไม้เก่าแก่ สร้างขึ้นโดยเจ้าแม่จามรีราชเทวี ชายาพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ ปัจจุบันยังใช้เทศนาธรรมได้อยู่
๒๔ ม.๑ ถ.เชียงใหม่-สันกำแพง ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ๕๐๐๐๐
GPS: 18.779549, 99.038296