พระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
๑. ประวัติความเป็นมาของวัด เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ เดิมชื่อ “วัดพระธาตุจอมทอง” ที่สันนิษฐานตามตำนานต่าง ๆ ว่า สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบ ลักษณะศิลปกรรมส่วนมากเป็นศิลปะในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ซึ่งเป็นยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ ตามตำนานต่าง ๆ จะมีการกล่าวอ้างและบันทึกไว้หลายช่วงสมัย นับแต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จ ในขณะที่พื้นที่นี้ เป็นเมืองอังครัฏฐะ ที่ปกครองโดย พญาอังครัฏฐะ โดยกล่าวถึง พระบรมธาตุและเจดีย์บรรจุ ช่วงสมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราชนำโกศเพชร (โกศแก้ววชิระ) มาเปลี่ยนและทรงอธิษฐานว่า หากพระมหากษัตริย์องค์ใด ที่ได้มากราบสักการะที่นี่แล้วไซร้ จักได้มีพระบรมเดชานุภาพดุจพระองค์ ต่อมาศาสนสถานนี้ถูกทิ้งร้างและได้รับการบูรณะซ่อมแซมหลายครา หากแต่ตามหลักฐานที่นับเป็น ขวบปีของวัดนั้น นับเนื่องจาก พ.ศ. ๑๙๙๔ ที่นายสร้อยและนางเม็ง พากันมาสร้างขึ้นก่อนจะเสีย ชีวิตในเวลาต่อมา อายุวัดจะนับได้ ๕๖๙ ปี (แต่จากระบบฐานข้อมูลวัดของมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น มีการระบุว่า ได้รับอนุญาตการตั้งเป็นวัด ในปี พ.ศ. ๑๒๙๒ ซึ่งหากเป็นดังนั้น จะอยู่ในช่วงของ อาณาจักรหริภุญไชย ก่อนราชวงศ์มังราย)
๒. ความสำคัญของวัด ได้รับประกาศให้เป็นโบราณสถานตั้งแต่วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ที่มีการพัฒนาการขยายและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาพุทธเจ้า สายวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ในระดับสากล เป็นที่ยอมรับทั้งคนไทยและนานาชาติ ได้รับรางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างถึง ๒ ครั้ง (ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ และ ๒๕๓๘) ภายใต้การบริหารงานของ พระธรรมมังคลาจารย์ วิ. (พระอาจารย์ทอง สิริมงคโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดองค์ที่ ๒๐ (นับแต่ พ.ศ. ๒๕๓๔) โดยแนวทางในการเผยแผ่พระธรรมนั้น เน้นการฟื้นฟูและส่งเสริมการวิปัสสนากรรมฐาน มีการจัดตั้ง สำนักปฏิบัติธรรม ขยายพื้นที่วัด ก่อสร้างอาคาร กุฏิ ศาลาปฏิบัติธรรมต่าง ๆ เพื่อรองรับผู้ที่มา ปฏิบัติธรรมทั้งชายหญิงซึ่งเป็นชาวไทยและนานาชาติ โดยมีระบบการบริหารจัดการแยกส่วน อย่างชัดเจน ทั้งเขตฆราวาสและสังฆาวาส ปัจจุบันมีศักยภาพในการรองรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้จำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตพระอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐานและพระธรรมทูต เพื่อส่งออกไปเผยแผ่ พระธรรมสายกรรมฐานนี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีวัดสาขาหลายแห่ง อาทิ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) วัดพุธปิยวราราม วัดพุทธวิปัสสนา สำนักวิปัสสนากรรมฐานธัมมจารี (๓ แห่งหลังนี้ อยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน) เหล่านี้เป็นต้น ยังมีอีกหลายประเทศที่มีได้กล่าวถึง ซึ่งแนวทางการสั่งการ ระบบการจัดการ และดำเนินการสอนจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
๓. สถาปัตยกรรมโดดเด่น
สืบเนื่องจากแนวทางหลักของวัดที่ยึดเอาหลักการเลยแม่วิปัสนากรรมฐาน ๔ เป็นหลัก ศาสนาสถานในยุคหลัง จึงเป็นอาคารสถานที่ สำหรับใช้ในกิจกรรมที่เอื้อต่อการด้าเนินการนั้นเป็นกลัวยาชิเชน อาคารพระสัทรรรมาเทพสิทธาจารย์รังสฤษฎ์ ศาลาการเปรียญ ศาลาสามัคคีธรรม หลังใหม่ อาคารพิพิธภัณฑ์ ภัตตคาถาเหหลีหลาจารย์ ถาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม มหาศาลาหทัยนเรศวร์ อาคารที่พักพระภิกษุ สามเณร กุฏิหทัยนเรศวร์ กุฏิพุทธศาสน์สุประดิษฐ์ เมืองหลวง กุฏิสำหรับผู้มาปฏิบัติวิปัสสนา โดยยังคงพื้นที่ส่วนที่เป็นศาสนาสถานและโบราณวัตถุ ตั้งเติม แยกพื้นที่เป็นสัดส่วนอย่างลงตัว เป็น ๒ ใน ๓ ของพื้นที่วัดทั้งหมด แต่สถาปัตยกรรมที่สำคัญและจัดเป็นโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ พระบรมสารีริกธาตุ เป็นพระทักษิณโมลีธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของเสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดประมาเมมล็ดพุทรา สัณฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือนดอกบวบ หรือดอกพิกุลแห้ง ตามประวัติ ระบุว่าพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๑๘ ปัจจุบันถูกบรรจุไว้ในโกศ ๕ ชั้น ประดิษฐานอยู่ในคู่ปราสาทปิดทองที่พระวิหารหลัก ซึ่งจะมีการนำออกมาให้ประชาชน ได้สักการะ สรงน้ำในช่วงวันวิสาขบูชาและมาฆบูชาเป็นประจำทุกปี
พระวิหาร เป็นวิหารสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ โครงหลังคาแบบม้าต่างไหม รูนทรงจตุรมุขก่ออิฐถือปูนยกพื้น ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ภายในประดิษฐานหลวงพ่อเพชร (องค์จำลองจากวัดทำหลวง จังหวัดพิจิตร) มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและลงรักปิดทองวิจิตรงดงาม นอกจากหลวงพ่อเพชรแล้ว ที่สำคัญ คือ คู่ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปทองคำโบราณ พระพุทธรูปตาเพชร โบราณวัตถุล้ำค่า มากมายที่ทางวัดดูแลรักษาเป็นอย่างดี
เจดีย์บรรจุ เป็นเจดีย์สำหรับผู้ที่เกิดในปีนักษัตร ปีชวด (หนู) ลักษณะเจดีย์เป็นสีทองทั้งองค์ หุ้มด้วยทองจังโก ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ตั้งอยู่หลังวิหาร รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบล้านนายุคหลัง ซึ่งผสมผสานและมีความคล้ายคลึงกับพระเจดีย์ศิลปะหริภุญชัย มีชุด ฐานบัวซ้อน ๒ ชั้น และบริเวณส่วนกลางมีชุดฐานบัว ๓ ฐานรองรับองค์ระฆัง มีความแตกต่างจากพระบรมธาตุเจดีย์แห่งอื่น เนื่องจาก พุทธศาสนิกชนทั่วไป สามารถทำการสรงน้ำพระธาตุเจดีย์ได้โดยตรง ไม่เหมือนที่อื่น
๑๕๗ ม. 5 ต. บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๖๐
จีพีเอส: 18.420991, 98.678985