ดินแดนภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัดของประเทศไทย ที่เรียกว่า “ล้านนา” นั้น เป็นดินแดนเก่าแก่ ที่มีวัดวาอาราม ปูชนียสถาน เป็นที่รวมของศิลปะใน รูปลักษณ์ต่าง ๆ ตามอารยธรรม ความเจริญสูงยิ่งจากบรรพกาล นับแต่สมัยอาณาจักรหริภุญชัย (ลำพูน) ที่ยาวนาน จนสูญเสียอำนาจทางการเมืองให้แก่ พญามังราย (พระเจ้ามังราย หรือ พระเจ้าเม็งราย) ผู้กรีฑาทัพมาจากเชียงแสน-เชียงราย (แคว้นโยนก) รวบรวมชุมชนเขตที่ราบลุ่มลำน้ำกก (เชียงราย) และที่ราบลุ่มลำน้ำปิง (เชียงใหม่) เข้าด้วยกัน ทั้งได้ผนวกชุมชนลุ่มแม่น้ำอิง ลุ่มน้ำกวง และที่ราบลำปางเข้าไว้เป็นอาณาจักรเดียวกัน ครั้นต่อมา พ.ศ. 1839 ได้สร้างเมือง นพบุรีศรีนครพิงค์ เชียงใหม่ ขึ้นเป็นศูนย์กลางการปกครองและศิลปกรรมต่าง ๆ ตลอดจนความเจริญในพระพุทธศาสนา พญามังรายทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งกษัตริย์ราชวงศ์นี้ปกครองสืบกันมา จนถึง พ.ศ. 2101 เชียงใหม่จึงถูกพม่ายึดครองนาน 200 กว่าปี
ภายใต้การปกครองของพญามังราย ได้ทรงมีพระราชไมตรีอันดีกับอาณาจักรและดินแดนใกล้เคียง ได้แก่ อาณาจักรสุโขทัย พะเยา อยุธยา มอญ ล้านช้าง เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนา จึงได้มีการก่อสร้างวัด อาราม สถูป เจดีย์ เป็นต้น พ.ศ.1839 โปรดให้สร้างวัดเชียงมั่น ใกล้ประตูช้างเผือก และสร้างวัดพระเจ้าเม็งราย (วัดคานคอด) ตรงบริเวณถนนราชมรรคา (ซอย 6) และสร้างพระพุทธรูปปางลีลาห้ามญาติ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ สูง 450 เซนติเมตร ที่คนทั่วไปมักเรียกว่า “พระเจ้าค่าคิงพญามังราย” ทั้งยังมีงานประติมากรรมปูนปั้นประดับสถาปัตยกรรมนั้น ๆ อันเป็นแบบอย่างเฉพาะสกุลช่างท้องถิ่น และได้แผ่ขยาย ไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ ซึ่งมีอิทธิพลต่อศิลปกรรมยุคต่อมา
พ.ศ. 1898-1928 ในรัชสมัยพญากือนา ได้รับเอาพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ จากสุโขทัยมาสู่ดินแดนล้านนา ปรากฎหลักฐานเป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูม ที่วัดสวนดอก (วัดบุปผาราม) ทรงสร้างพระพุทธรูป นาม “พระอัฏฐารส” ในวิหารหลวงวัดเจดีย์หลวง ฯลฯ พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสูงสุด สมัยพญาติโลกราช (พระเจ้าติโลกราช) ซึ่งครองราชย์ พ.ศ. 1984-2030 ทรงสร้างวัดป่าแดงหลวง มีสถูปเจดีย์แบบลังกา แต่ที่วัดช้างล้อม ได้พัฒนาเป็นแบบของล้านนาเต็มตัว โปรดให้ก่อสร้างวัดเจ็ดยอด (วัดโพธาราม) เพื่อการเฉลิมฉลองพระพุทธศาสนา วาระครบ 2,000 ปี ประการสำคัญ เนื่องใน พ.ศ. 2020 โปรดให้จัดการ สังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย (ซึ่งเป็นครั้งที่ 8 ของโลก) เป็นที่ยอมรับของชาวพุทธทั่วโลก ได้แก่ อินเดีย ศรีลักา พม่า ลาว เขมร ญวน จีน และไทย
พ.ศ. 2321-2156 รัชสมัยของ นรธาเมงสอ (อโนธามังฉ่อ) พม่าผู้ปกครองนครเชียงใหม่สมัยนั้น ชาวเมืองนิยมการบูชาดาวนพเคราะห์ จึงรับสั่งให้พระเถระ ชาวเชียงใหม่ร่วมกันรจนาคาถาชินบัญชร ให้ชาวเมืองสวดแทน ล่วงพ้นสู่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ได้ค้นพบ จึงได้นำไปปรับปรุงเป็นฉบับ วัดระฆังโฆสิตาราม ทั้งในเวลาต่อมา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (องค์ที่ 19) โปรดให้ชำระด้านอักขระ พยัญชนะ จึงได้ฉบับที่นิยมนำมาใช้สวดมนต์ แพร่หลายในปัจจุบัน
ตัวอย่างที่หยิบยกมา เป็นประจักษ์พยานส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ซึ่งศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมของพระอารามหลวง และวัดต่าง ๆ นับได้ 300 วัด ในหนังสือเล่มนี้ จักเป็นที่ประจักษ์แจ้งยิ่งขึ้น
สำนักพิมพ์โมเดิร์นเพรส และผู้มั่นคงศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนา ได้ตั้งความปรารถนาอย่างสูงยิ่งในการอนุรักษ์ ศิลปกรรมและพุทธสถาปัตยกรรมล้านนา ให้เป็นมรดกของคนไทยสืบต่อไป ขอขอบพระคุณท่านที่มีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือให้การจัดทำหนังสือ บรรลุผล สมตามมโนปรารถนาทุกประการไว้ ณ โอกาสนี้


